Comments Box SVG iconsUsed for the like, share, comment, and reaction icons

🪪 เลือกใช้บัตรให้เหมาะกับระบบของคุณ แบบไหนตอบโจทย์ที่สุด?

ปัจจุบันมีบัตรสำหรับยืนยันตัวตนและควบคุมการเข้าออกหลายประเภท ทั้ง บัตรแถบแม่เหล็ก / บัตรพร็อกซิมิตี้ / บัตรสมาร์ทการ์ด / บัตรวิซินนิตี้ แต่ละแบบมีข้อดีและข้อเหมาะสมต่างกัน เรามาดูเพื่อช่วยตัดสินใจกันค่ะ 👇

---

1) บัตรแถบแม่เหล็ก (Magnetic Card)

ใช้โดย การรูดกับเครื่องอ่าน

ราคาถูก หัวอ่านราคาประหยัด

แต่ ข้อมูลสูญหายง่าย และ คัดลอกได้

เริ่ม ไม่เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความปลอดภัยสูง

> เหมาะกับ ระบบที่ต้องการประหยัดงบ และไม่เน้นความปลอดภัยมาก

---

2) บัตรพร็อกซิมิตี้ (Proximity Card / RFID 125 KHz)

ใช้งานง่าย แค่ “ทาบบัตร” ไม่ต้องรูด

ระยะอ่านประมาณ 2-5 ซม.

ส่วนใหญ่เป็น แบบอ่านอย่างเดียว (Read-Only) ไม่สามารถบันทึกข้อมูลเพิ่มบนบัตร

เทคโนโลยีเปิดอย่าง EM Card ราคาถูก แต่ คัดลอกได้ง่าย

> เหมาะกับ ระบบผ่านเข้า-ออกประตู ที่ต้องการใช้งานง่ายและรวดเร็ว แต่ไม่เน้นความปลอดภัยสูง

---

3) บัตรสมาร์ทการ์ดแบบไม่สัมผัส (Contactless Smart Card / 13.56 MHz)

ทาบใช้งานเหมือนบัตร Proximity แต่ ปลอดภัยกว่า

สามารถ เก็บและเข้ารหัสข้อมูล ได้

ผ่านรองรับมาตรฐาน ISO 14443 เช่น Mifare

รองรับการใช้งานแบบ ร่วมหลายระบบในใบเดียว (Multi-application)
เช่น บัตรนักศึกษา + บัตรผ่านเข้าออก + บัตรเงินสด

> เหมาะกับ ระบบที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น อาคารสำนักงาน มหาวิทยาลัย ระบบขนส่ง

---

4) บัตรสมาร์ทการ์ดแบบสัมผัส (Contact Smart Card)

ต้อง “เสียบบัตร” เข้ากับหัวอ่าน

ความจุข้อมูลสูง และ ความปลอดภัยระดับสูงสุด

รองรับระบบกุญแจรหัส (PKI)

ใช้กับ บัตรประชาชน, ระบบลายเซ็นดิจิทัล, ธุรกรรมอีคอมเมิร์ซ

> เหมาะกับงานที่ต้องการยืนยันตัวตนระดับสูง เช่น บัตรประชาชน, ระบบธนาคาร

---

5) บัตรวิซินนิตี้ (Vicinity Card / ระยะไกล)

อ่านบัตรได้ไกลถึง 3 เมตร

ราคาค่อนข้างสูง

เหมาะกับระบบ อ่านแบบอัตโนมัติ (Auto-ID)
เช่น ระบบคลังสินค้า, การตรวจจับแท็กสินค้า (EPC)

> เหมาะกับงานด้านลอจิสติกส์หรืออุปกรณ์ติดตามสินค้า

---

✅ สรุปเลือกบัตรแบบไหนดีที่สุด?

ประเภทบัตร ความปลอดภัย การใช้งาน เหมาะกับงาน

แถบแม่เหล็ก ต่ำ ต้องรูด ระบบพื้นฐาน, งบน้อย
Proximity 125KHz ปานกลาง-ต่ำ ทาบบัตร ผ่านเข้า-ออกทั่วไป
Contactless Smart Card 13.56MHz สูง ทาบบัตร + เก็บข้อมูลได้ องค์กร, มหาวิทยาลัย, ระบบจ่ายเงิน
Contact Smart Card สูงมาก เสียบอ่าน บัตรประชาชน, ระบบยืนยันตัวตนเข้มงวด
Vicinity Card ปานกลาง อ่านระยะไกล คลังสินค้า / RFID Tracking

---

💡 ข้อแนะนำในการตัดสินใจ

ถ้าต้องการ ความปลอดภัย + ใช้งานสะดวก + ป้องกันการปลอมแปลง
---
ต้องการให้ เราแนะนำบัตรที่เหมาะกับองค์กรของคุณไหมคะ?
ทักมาได้เลย 💬😊
เรายินดีช่วยประเมินระบบให้ฟรี 🎨✨
... See MoreSee Less

🪪 เลือกใช้บัตรให้เหมาะกับระบบของคุณ แบบไหนตอบโจทย์ที่สุด?

ปัจจุบันมีบัตรสำหรับยืนยันตัวตนและควบคุมการเข้าออกหลายประเภท ทั้ง บัตรแถบแม่เหล็ก / บัตรพร็อกซิมิตี้ / บัตรสมาร์ทการ์ด / บัตรวิซินนิตี้ แต่ละแบบมีข้อดีและข้อเหมาะสมต่างกัน เรามาดูเพื่อช่วยตัดสินใจกันค่ะ 👇

---

1) บัตรแถบแม่เหล็ก (Magnetic Card)

ใช้โดย การรูดกับเครื่องอ่าน

ราคาถูก หัวอ่านราคาประหยัด

แต่ ข้อมูลสูญหายง่าย และ คัดลอกได้

เริ่ม ไม่เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความปลอดภัยสูง

> เหมาะกับ ระบบที่ต้องการประหยัดงบ และไม่เน้นความปลอดภัยมาก

---

2) บัตรพร็อกซิมิตี้ (Proximity Card / RFID 125 KHz)

ใช้งานง่าย แค่ “ทาบบัตร” ไม่ต้องรูด

ระยะอ่านประมาณ 2-5 ซม.

ส่วนใหญ่เป็น แบบอ่านอย่างเดียว (Read-Only) ไม่สามารถบันทึกข้อมูลเพิ่มบนบัตร

เทคโนโลยีเปิดอย่าง EM Card ราคาถูก แต่ คัดลอกได้ง่าย

> เหมาะกับ ระบบผ่านเข้า-ออกประตู ที่ต้องการใช้งานง่ายและรวดเร็ว แต่ไม่เน้นความปลอดภัยสูง

---

3) บัตรสมาร์ทการ์ดแบบไม่สัมผัส (Contactless Smart Card / 13.56 MHz)

ทาบใช้งานเหมือนบัตร Proximity แต่ ปลอดภัยกว่า

สามารถ เก็บและเข้ารหัสข้อมูล ได้

ผ่านรองรับมาตรฐาน ISO 14443 เช่น Mifare

รองรับการใช้งานแบบ ร่วมหลายระบบในใบเดียว (Multi-application)
เช่น บัตรนักศึกษา + บัตรผ่านเข้าออก + บัตรเงินสด

> เหมาะกับ ระบบที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น อาคารสำนักงาน มหาวิทยาลัย ระบบขนส่ง

---

4) บัตรสมาร์ทการ์ดแบบสัมผัส (Contact Smart Card)

ต้อง “เสียบบัตร” เข้ากับหัวอ่าน

ความจุข้อมูลสูง และ ความปลอดภัยระดับสูงสุด

รองรับระบบกุญแจรหัส (PKI)

ใช้กับ บัตรประชาชน, ระบบลายเซ็นดิจิทัล, ธุรกรรมอีคอมเมิร์ซ

> เหมาะกับงานที่ต้องการยืนยันตัวตนระดับสูง เช่น บัตรประชาชน, ระบบธนาคาร

---

5) บัตรวิซินนิตี้ (Vicinity Card / ระยะไกล)

อ่านบัตรได้ไกลถึง 3 เมตร

ราคาค่อนข้างสูง

เหมาะกับระบบ อ่านแบบอัตโนมัติ (Auto-ID)
เช่น ระบบคลังสินค้า, การตรวจจับแท็กสินค้า (EPC)

> เหมาะกับงานด้านลอจิสติกส์หรืออุปกรณ์ติดตามสินค้า

---

✅ สรุปเลือกบัตรแบบไหนดีที่สุด?

ประเภทบัตร ความปลอดภัย การใช้งาน เหมาะกับงาน

แถบแม่เหล็ก ต่ำ ต้องรูด ระบบพื้นฐาน, งบน้อย
Proximity 125KHz ปานกลาง-ต่ำ ทาบบัตร ผ่านเข้า-ออกทั่วไป
Contactless Smart Card 13.56MHz สูง ทาบบัตร + เก็บข้อมูลได้ องค์กร, มหาวิทยาลัย, ระบบจ่ายเงิน
Contact Smart Card สูงมาก เสียบอ่าน บัตรประชาชน, ระบบยืนยันตัวตนเข้มงวด
Vicinity Card ปานกลาง อ่านระยะไกล คลังสินค้า / RFID Tracking

---

💡 ข้อแนะนำในการตัดสินใจ

ถ้าต้องการ ความปลอดภัย + ใช้งานสะดวก + ป้องกันการปลอมแปลง
---
ต้องการให้ เราแนะนำบัตรที่เหมาะกับองค์กรของคุณไหมคะ?
ทักมาได้เลย 💬😊
เรายินดีช่วยประเมินระบบให้ฟรี  🎨✨
2 weeks ago

ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
กราบถวายความอาลัยแด่
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ขอถวายบังคมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
สถิตในดวงใจปวงข้าพระพุทธเจ้าตราบนิรันดร์

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า บริษัทตลาดการ์ด จำกัด

🕊️💙👑
#น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
#สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
#น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
#บริษัทตลาดการ์ดจำกัด
... See MoreSee Less

ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
กราบถวายความอาลัยแด่
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ขอถวายบังคมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
สถิตในดวงใจปวงข้าพระพุทธเจ้าตราบนิรันดร์

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า บริษัทตลาดการ์ด จำกัด

🕊️💙👑
#น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
#สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
#น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
#บริษัทตลาดการ์ดจำกัด
2 weeks ago

✨ “ตลาดการ์ด” รับสกรีนคีย์การ์ดคุณภาพสูง สำหรับอพาร์ตเมนต์และคอนโดทั่วประเทศ

หากคุณกำลังมองหาโรงงาน รับสกรีนคีย์การ์ด ที่พิมพ์คมชัด ทนทาน ใช้ได้นาน — “ตลาดการ์ด” คือคำตอบ ✅

เราเชี่ยวชาญด้านการ พิมพ์คีย์การ์ด สำหรับ
🏢 คอนโด
🏠 อพาร์ตเมนต์
🏨 โรงแรม และรีสอร์ท

บริการครบวงจรตั้งแต่ ออกแบบ–สกรีน–จัดส่ง
✅ สีไม่ลอก ไม่ซีด
✅ รองรับระบบ Mifare, Proximity, RFID
✅ รับผลิตทุกจำนวน ขั้นต่ำ100ใบ
✅ งานเร่ง งานด่วน พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ 🚚

เพิ่มความพรีเมียมให้โครงการของคุณ ด้วยคีย์การ์ดที่สะท้อนเอกลักษณ์แบรนด์
📩 ทัก inbox หรือโทร 081-374-5428
064-629-9266
061-424-4451

หรือLine: @saiklong

เพื่อขอใบเสนอราคาได้เลย!

#ตลาดการ์ด #รับสกรีนคีย์การ์ด #พิมพ์คีย์การ์ด #คีย์การ์ดคอนโด #คีย์การ์ดอพาร์ตเมนต์ #สกรีนคีย์การ์ดคุณภาพ #คีย์การ์ดโรงแรม #keycardprinting
... See MoreSee Less

✨ “ตลาดการ์ด” รับสกรีนคีย์การ์ดคุณภาพสูง สำหรับอพาร์ตเมนต์และคอนโดทั่วประเทศ

หากคุณกำลังมองหาโรงงาน รับสกรีนคีย์การ์ด ที่พิมพ์คมชัด ทนทาน ใช้ได้นาน — “ตลาดการ์ด” คือคำตอบ ✅

เราเชี่ยวชาญด้านการ พิมพ์คีย์การ์ด สำหรับ
🏢 คอนโด
🏠 อพาร์ตเมนต์
🏨 โรงแรม และรีสอร์ท

บริการครบวงจรตั้งแต่ ออกแบบ–สกรีน–จัดส่ง
✅ สีไม่ลอก ไม่ซีด
✅ รองรับระบบ Mifare, Proximity, RFID
✅ รับผลิตทุกจำนวน ขั้นต่ำ100ใบ
✅ งานเร่ง งานด่วน พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ 🚚

เพิ่มความพรีเมียมให้โครงการของคุณ ด้วยคีย์การ์ดที่สะท้อนเอกลักษณ์แบรนด์
📩 ทัก inbox หรือโทร 081-374-5428 
064-629-9266 
061-424-4451

หรือLine: @saiklong

เพื่อขอใบเสนอราคาได้เลย!

#ตลาดการ์ด #รับสกรีนคีย์การ์ด #พิมพ์คีย์การ์ด #คีย์การ์ดคอนโด #คีย์การ์ดอพาร์ตเมนต์ #สกรีนคีย์การ์ดคุณภาพ #คีย์การ์ดโรงแรม #keycardprinting
2 months ago

ประเภทของบัตรสมาร์ทการ์ด Smart Card

บัตรแถบแม่เหล็ก (Magnetic) เป็นเทคโนโลยีไอดีอัตโนมัติ (Automatic Identification) ที่มีผู้ใช้เป็นจำนวนมากที่สุด ได้แก่ บัตรเครดิต บัตรเครื่องถอนเงินด่วน (ATM) เป็นต้น การใช้งานต้องรูดบัตรกับหัวอ่าน หัวอ่านมีราคาถูก แต่มีความสึกหรอจากการรูดบัตร และบัตรอาจถูกทำสำเนาได้ บัตรที่ทำด้วยกระดาษมีราคาถูกมาก ซึ่งถูกนำมาใช้งานในระบบขนส่งมวลชนที่ต้องการให้มีต้นทุนของบัตรโดยสารต่ำ

เทคโนโลยีบัตรแถบแม่เหล็กถูกนำมาใช้เป็นกุญแจบัตร (Key Card) ที่ใช้สำหรับระบบกลอนประตูอิเล็กทรอนิกส์ในยุคแรก ได้มีการนำมาใช้เป็นบัตรประจำตัวพนักงานและใช้สำหรับบันทึกเวลาเข้า-ออกงานด้วย ในปัจจุบันเทคโนโลยีนี้กำลังจะล้าสมัย เนื่องจากมีข้อด้อยในด้านความปลอดภัยข้อข้อมูล ข้อมูลมีการสูญหายจากสัญญาณรบกวนได้ และไม่รองรับความต้องการต่างๆที่เพิ่มขึ้นได้ดี

บัตรพร็อกซิมิตี้ (Proximity) หัวอ่านบัตรสามารถอ่านบัตรในระยะห่าง 2-5 ซม.ได้ หัวอ่านไม่มีการสึกหรอ ผู้ใช้เพียงทาบบัตรใกล้กับหัวอ่าน จึงเพิ่มความคล่องตัวในการใช้งานของผู้ใช้ บัตรมีหลายชนิดตามบริษัทผู้ผลิต ไม่สามารถเก็บข้อมูลไว้บนบัตรได้ มีทั้งที่เป็นเทคโนโลยีปิดที่มีความปลอดภัยสูงขึ้น (แต่มีการผูกขาดจากผู้จำหน่ายราย/ยี่ห้อเดียว) ส่วนที่เป็นเทคโนโลยีเปิด (EM Card) ราคาถูกกว่าเนื่องจากมีผู้ผลิตได้หลายราย ซึ่งอาจมีการทำสำเนาบัตรได้

บัตรชนิดนี้อยู่ในกลุ่ม RFID (Radio Frenquency Identification) ภายในบัตรพลาสติกมีชิปอิเล็กทรอนิกส์และเสาอากาศบรรจุอยู่ซึ่งได้รับพลังงานจากหัวอ่านบัตร ทำงานที่ย่านความถี่ 125 KHz ซึ่งมีใช้กันแพร่หลายมาเป็นเวลานาน และมีผู้ผลิตเลียนแบบเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นบัตรที่มีข้อมูลสำหรับอ่านเพียงอย่างเดียว (Read-Only) ได้มีการใช้ความถี่ในย่านที่สูงขึ้นคือ 13.56 MHz เพื่อเพิ่มจำนวนข้อมูลและความสามารถในการเข้ารหัสข้อมูล มีผู้ผลิตอุปกรณ์ระบบผ่านเข้าออกประตูที่นำบัตรพร็อกซิมิตในย่านความถี่ 13.56 MHz ที่เป็นเทคโนโลยีปิดมาจำหน่าย แต่ยังไม่ได้รับรองให้เป็นมาตรฐานสากล ส่วนใหญ่บัตรประเภทนี้จะใช้งานภายในองค์กร (Closed-Loop) ไม่มีการทำงานร่วมกันกับภายนอก มีผู้ผลิตบัตรพิเศษที่ผสมระหว่างบัตรแถบแม่เหล็กและบัตรพร็อกซิมิตี้เพื่อไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอุปกรณ์เก่าในระบบทั้งหมด และยังมีการทำบัตร (ป้าย) ให้อยู่ในรูปพวงกุญแจด้วย

บัตรสมาร์ทการ์ด ชนิดไม่สัมผัสกับหัวอ่าน (Contactless) เป็นแบบบัตรพร็อกซิมิตี้คือหัวอ่านบัตรสามารถอ่านบัตรในระยะห่างได้ มีระยะอ่านบัตรได้ไกลขึ้นและมีความสามารถอื่นๆมากขึ้น บัตรสมาร์ทการ์ดประเภทนี้เป็นที่นิยมมากขึ้น มีความปลอดภัยมาก การทำสำเนาบัตรทำไม่ได้ สามารถเก็บข้อมูลได้บนบัตรสำหรับการใช้งานที่จำเพาะ บัตรสมาร์ทการ์ดมีหลายประเภท ส่วนหนึ่งได้ถูกรับรองให้เป็นมาตรฐาน ISO เช่น ISO 14443 Type A (Mifare) เป็นต้น ซึ่งทำให้มีผู้จำหน่ายเป็นจำนวนมาก ไม่เกิดการผูกขาด และเป็นผลให้มีราคาถูกลงเรื่อยๆ ราคาของบัตรขึ้นกับความจุข้อมูลบนบัตรและความสามารถอื่นๆของบัตร

บัตรชนิดนี้อยู่ในกลุ่ม RFID (Radio Frenquency Identification) ซึ่งมีชิปอิเล็กทรอนิกส์และเสาอากาศบรรจุอยู่เช่นกัน ทำงานที่ย่านความถี่ 13.56 MHz โดยมีวิธีการเข้ารหัสข้อมูล การส่งสัญญาณ และการเก็บข้อมูลที่ยอมรับเป็นมาตรฐาน ISO อันหนึ่ง บัตรสมาร์ทการ์ดนี้จัดเป็นอุปกรณ์ด้านการรักษาความปลอดภัย จึงนำมาเป็นบัตรประจำตัว บัตรโดยสาร บัตรเงินสด บัตรผ่านทางเข้าออก บัตรที่จอดรถ และอื่นๆอีกมาก บัตรนี้ได้ถูกออกแบบมาให้สามารถรองรับการทำงานหลายอย่างร่วมกันบนบัตรใบเดียวได้ (Multi-appliaction) การใช้งานทำได้ทั้งอ่านข้อมูลและเขียนข้อมูลลงในบัตร มีผู้นำบัตรมาใช้ในลักษณะร่วมกันได้ (Open-Loop) เช่น เป็นบัตรประจำตัวนักศึกษาและบัตรเครื่องถอนเงินด่วน เป็นต้น การใช้งานบัตรประเภทนี้จำเป็นต้องใช้หัวอ่านและระบบควบคุมที่มีความสามารถมากกว่าบัตรพร็อกซิมิตี้แบบเดิม

ปัจจุบันได้มีบัตรสมาร์ทการ์ดมาตรฐาน ISO 18092 ที่เริ่มแพร่หลายในการเป็นบัตรโดยสารระบบขนส่งมวลชน บัตรในมาตรฐาน ISO เหล่านี้กำลังจะรวมเข้าด้วยกัน จึงเป็นการขยายวงของการใช้งานบัตรสมาร์ทการ์ดให้เป็นสากลยิ่งขึ้น

บัตรสมาร์ทการ์ด ชนิดสัมผัสกับหัวอ่าน (Contact) มีความสามารถเหมือนบัตรสมาร์ทการ์ดข้างต้น แต่การใช้งานต้องเสียบบัตรเข้ากับหัวอ่าน ซึ่งทำให้มีขั้นตอนที่เสียเวลาเพิ่มขึ้น จึงไม่เหมาะสมกับการใช้ผ่านเข้าออกที่ต้องการความรวดเร็ว ข้อดีของบัตรชนิดนี้คือบัตรมีความจุข้อมูลที่มากขึ้น ราคาของบัตรขึ้นอยู่กับความสามารถและขนาดหน่วยความจำ บัตรชนิดสัมผัสมีความสามารถอื่นๆได้มากกว่าบัตรชนิดไม่สัมผัส ได้แก่ ความสามารถในการป้องกันข้อมูลในแบบมาตรฐานกุญแจรหัส (Public Key Infrastructure, PKI) ที่ให้ระดับความปลอดภัยในขั้นสูง และสามารถบรรจุโปรแกรมประยุกต์ (Application) ลงในบัตรได้ เป็นต้น

เนื่องจากบัตรชนิดนี้ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องแหล่งจ่ายพลังงานเหมือนบัตรชนิดไม่สัมผัส จึงมีหน่วยความจำได้มากขึ้น สามารถเก็บข้อมูลพื้นฐานที่เป็นประโยชน์เพื่อเรียกดูได้ทันที เช่น รูปถ่าย ข้อมูลด้านสุขภาพ ข้อมูลลายนิ้วมือ ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ การยืนยันตัวบุคคล (Authentication) โดยใช้ข้อมูลต่างๆภายในบัตรจะเป็นมาตรฐานในการทำธุรกรรมทางด้านพานิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) หัวอ่านบัตรมีราคาถูกและได้ถูกประกอบเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ เพื่อใช้บัตรสมาร์ทการ์ดในการล็อกออน์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ กล่าวคือใช้แทนลายเซ็นนั่นเอง บัตรประจำตัวประชาชนใหม่ของหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยเป็นบัตรสมาร์ทการ์ดประเภทนี้

บัตรวิซินนิตี้ (Vicinity) เป็นบัตรสามาร์ทการ์ดชนิดไม่สัมผัสกับหัวอ่าน ระบบสามารถอ่านบัตรในระยะห่างถึง 3 เมตรได้ ปัจจุบันเป็นมาตรฐาน ISO เช่นกัน แต่บัตรและหัวอ่านยังมีราคาสูงมากอยู่ บัตรประเภทนี้มีข้อจำกัดในด้านหน่วยความจำบนบัตร มักถูกนำมาใช้งานด้านไอดีอัตโนมัติ (Automatic Identification) ที่เป็นออน์ไลน์ (On-line) คือต้องทำการประมวลผลที่ระบบคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง ซึ่งต่างจากบัตรสามาร์ทการ์ดข้างต้นที่รองรับงานที่เป็นออฟ์ไลน์ (Off-line) ได้เป็นอย่างดี

ได้มีการพัฒนาให้รหัสสินค้าในรูปบาร์โค้ดมาตรฐาน (Universal Product Code, UPC) มาอยู่ในรูปอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Product Code, EPC) ซึ่งมีพื้นฐานจากเทคโนโลยีนี้ มีห้างสรรพสิ้นค้าในต่างประเทศที่ลูกค้าไม่ต้องหยิบสินค้าออกจากรถเข็น แล้วเครื่องอ่านสามารถอ่านรหัสสินค้าทุกชิ้นเพื่อคำนวนราคาที่ได้ภายในเวลาเพียงเป็นวินาที
By Taradcard.com
081-374-5428
line id : @taladcard
... See MoreSee Less

ประเภทของบัตรสมาร์ทการ์ด Smart Card

บัตรแถบแม่เหล็ก (Magnetic) เป็นเทคโนโลยีไอดีอัตโนมัติ (Automatic Identification) ที่มีผู้ใช้เป็นจำนวนมากที่สุด ได้แก่ บัตรเครดิต บัตรเครื่องถอนเงินด่วน (ATM) เป็นต้น การใช้งานต้องรูดบัตรกับหัวอ่าน หัวอ่านมีราคาถูก แต่มีความสึกหรอจากการรูดบัตร และบัตรอาจถูกทำสำเนาได้ บัตรที่ทำด้วยกระดาษมีราคาถูกมาก ซึ่งถูกนำมาใช้งานในระบบขนส่งมวลชนที่ต้องการให้มีต้นทุนของบัตรโดยสารต่ำ

เทคโนโลยีบัตรแถบแม่เหล็กถูกนำมาใช้เป็นกุญแจบัตร (Key Card) ที่ใช้สำหรับระบบกลอนประตูอิเล็กทรอนิกส์ในยุคแรก ได้มีการนำมาใช้เป็นบัตรประจำตัวพนักงานและใช้สำหรับบันทึกเวลาเข้า-ออกงานด้วย ในปัจจุบันเทคโนโลยีนี้กำลังจะล้าสมัย เนื่องจากมีข้อด้อยในด้านความปลอดภัยข้อข้อมูล ข้อมูลมีการสูญหายจากสัญญาณรบกวนได้ และไม่รองรับความต้องการต่างๆที่เพิ่มขึ้นได้ดี

บัตรพร็อกซิมิตี้ (Proximity) หัวอ่านบัตรสามารถอ่านบัตรในระยะห่าง 2-5 ซม.ได้ หัวอ่านไม่มีการสึกหรอ ผู้ใช้เพียงทาบบัตรใกล้กับหัวอ่าน จึงเพิ่มความคล่องตัวในการใช้งานของผู้ใช้ บัตรมีหลายชนิดตามบริษัทผู้ผลิต ไม่สามารถเก็บข้อมูลไว้บนบัตรได้ มีทั้งที่เป็นเทคโนโลยีปิดที่มีความปลอดภัยสูงขึ้น (แต่มีการผูกขาดจากผู้จำหน่ายราย/ยี่ห้อเดียว) ส่วนที่เป็นเทคโนโลยีเปิด (EM Card) ราคาถูกกว่าเนื่องจากมีผู้ผลิตได้หลายราย ซึ่งอาจมีการทำสำเนาบัตรได้

บัตรชนิดนี้อยู่ในกลุ่ม RFID (Radio Frenquency Identification) ภายในบัตรพลาสติกมีชิปอิเล็กทรอนิกส์และเสาอากาศบรรจุอยู่ซึ่งได้รับพลังงานจากหัวอ่านบัตร ทำงานที่ย่านความถี่ 125 KHz ซึ่งมีใช้กันแพร่หลายมาเป็นเวลานาน และมีผู้ผลิตเลียนแบบเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นบัตรที่มีข้อมูลสำหรับอ่านเพียงอย่างเดียว (Read-Only) ได้มีการใช้ความถี่ในย่านที่สูงขึ้นคือ 13.56 MHz เพื่อเพิ่มจำนวนข้อมูลและความสามารถในการเข้ารหัสข้อมูล มีผู้ผลิตอุปกรณ์ระบบผ่านเข้าออกประตูที่นำบัตรพร็อกซิมิตในย่านความถี่ 13.56 MHz ที่เป็นเทคโนโลยีปิดมาจำหน่าย แต่ยังไม่ได้รับรองให้เป็นมาตรฐานสากล ส่วนใหญ่บัตรประเภทนี้จะใช้งานภายในองค์กร (Closed-Loop) ไม่มีการทำงานร่วมกันกับภายนอก มีผู้ผลิตบัตรพิเศษที่ผสมระหว่างบัตรแถบแม่เหล็กและบัตรพร็อกซิมิตี้เพื่อไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอุปกรณ์เก่าในระบบทั้งหมด และยังมีการทำบัตร (ป้าย) ให้อยู่ในรูปพวงกุญแจด้วย

บัตรสมาร์ทการ์ด ชนิดไม่สัมผัสกับหัวอ่าน (Contactless) เป็นแบบบัตรพร็อกซิมิตี้คือหัวอ่านบัตรสามารถอ่านบัตรในระยะห่างได้ มีระยะอ่านบัตรได้ไกลขึ้นและมีความสามารถอื่นๆมากขึ้น บัตรสมาร์ทการ์ดประเภทนี้เป็นที่นิยมมากขึ้น มีความปลอดภัยมาก การทำสำเนาบัตรทำไม่ได้ สามารถเก็บข้อมูลได้บนบัตรสำหรับการใช้งานที่จำเพาะ บัตรสมาร์ทการ์ดมีหลายประเภท ส่วนหนึ่งได้ถูกรับรองให้เป็นมาตรฐาน ISO เช่น ISO 14443 Type A (Mifare) เป็นต้น ซึ่งทำให้มีผู้จำหน่ายเป็นจำนวนมาก ไม่เกิดการผูกขาด และเป็นผลให้มีราคาถูกลงเรื่อยๆ ราคาของบัตรขึ้นกับความจุข้อมูลบนบัตรและความสามารถอื่นๆของบัตร

บัตรชนิดนี้อยู่ในกลุ่ม RFID (Radio Frenquency Identification) ซึ่งมีชิปอิเล็กทรอนิกส์และเสาอากาศบรรจุอยู่เช่นกัน ทำงานที่ย่านความถี่ 13.56 MHz โดยมีวิธีการเข้ารหัสข้อมูล การส่งสัญญาณ และการเก็บข้อมูลที่ยอมรับเป็นมาตรฐาน ISO อันหนึ่ง บัตรสมาร์ทการ์ดนี้จัดเป็นอุปกรณ์ด้านการรักษาความปลอดภัย จึงนำมาเป็นบัตรประจำตัว บัตรโดยสาร บัตรเงินสด บัตรผ่านทางเข้าออก บัตรที่จอดรถ และอื่นๆอีกมาก บัตรนี้ได้ถูกออกแบบมาให้สามารถรองรับการทำงานหลายอย่างร่วมกันบนบัตรใบเดียวได้ (Multi-appliaction) การใช้งานทำได้ทั้งอ่านข้อมูลและเขียนข้อมูลลงในบัตร มีผู้นำบัตรมาใช้ในลักษณะร่วมกันได้ (Open-Loop) เช่น เป็นบัตรประจำตัวนักศึกษาและบัตรเครื่องถอนเงินด่วน เป็นต้น การใช้งานบัตรประเภทนี้จำเป็นต้องใช้หัวอ่านและระบบควบคุมที่มีความสามารถมากกว่าบัตรพร็อกซิมิตี้แบบเดิม

ปัจจุบันได้มีบัตรสมาร์ทการ์ดมาตรฐาน ISO 18092 ที่เริ่มแพร่หลายในการเป็นบัตรโดยสารระบบขนส่งมวลชน บัตรในมาตรฐาน ISO เหล่านี้กำลังจะรวมเข้าด้วยกัน จึงเป็นการขยายวงของการใช้งานบัตรสมาร์ทการ์ดให้เป็นสากลยิ่งขึ้น

บัตรสมาร์ทการ์ด ชนิดสัมผัสกับหัวอ่าน (Contact) มีความสามารถเหมือนบัตรสมาร์ทการ์ดข้างต้น แต่การใช้งานต้องเสียบบัตรเข้ากับหัวอ่าน ซึ่งทำให้มีขั้นตอนที่เสียเวลาเพิ่มขึ้น จึงไม่เหมาะสมกับการใช้ผ่านเข้าออกที่ต้องการความรวดเร็ว ข้อดีของบัตรชนิดนี้คือบัตรมีความจุข้อมูลที่มากขึ้น ราคาของบัตรขึ้นอยู่กับความสามารถและขนาดหน่วยความจำ บัตรชนิดสัมผัสมีความสามารถอื่นๆได้มากกว่าบัตรชนิดไม่สัมผัส ได้แก่ ความสามารถในการป้องกันข้อมูลในแบบมาตรฐานกุญแจรหัส (Public Key Infrastructure, PKI) ที่ให้ระดับความปลอดภัยในขั้นสูง และสามารถบรรจุโปรแกรมประยุกต์ (Application) ลงในบัตรได้ เป็นต้น

เนื่องจากบัตรชนิดนี้ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องแหล่งจ่ายพลังงานเหมือนบัตรชนิดไม่สัมผัส จึงมีหน่วยความจำได้มากขึ้น สามารถเก็บข้อมูลพื้นฐานที่เป็นประโยชน์เพื่อเรียกดูได้ทันที เช่น รูปถ่าย ข้อมูลด้านสุขภาพ ข้อมูลลายนิ้วมือ ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ การยืนยันตัวบุคคล (Authentication) โดยใช้ข้อมูลต่างๆภายในบัตรจะเป็นมาตรฐานในการทำธุรกรรมทางด้านพานิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) หัวอ่านบัตรมีราคาถูกและได้ถูกประกอบเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ เพื่อใช้บัตรสมาร์ทการ์ดในการล็อกออน์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ กล่าวคือใช้แทนลายเซ็นนั่นเอง บัตรประจำตัวประชาชนใหม่ของหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยเป็นบัตรสมาร์ทการ์ดประเภทนี้

บัตรวิซินนิตี้ (Vicinity) เป็นบัตรสามาร์ทการ์ดชนิดไม่สัมผัสกับหัวอ่าน ระบบสามารถอ่านบัตรในระยะห่างถึง 3 เมตรได้ ปัจจุบันเป็นมาตรฐาน ISO เช่นกัน แต่บัตรและหัวอ่านยังมีราคาสูงมากอยู่ บัตรประเภทนี้มีข้อจำกัดในด้านหน่วยความจำบนบัตร มักถูกนำมาใช้งานด้านไอดีอัตโนมัติ (Automatic Identification) ที่เป็นออน์ไลน์ (On-line) คือต้องทำการประมวลผลที่ระบบคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง ซึ่งต่างจากบัตรสามาร์ทการ์ดข้างต้นที่รองรับงานที่เป็นออฟ์ไลน์ (Off-line) ได้เป็นอย่างดี

ได้มีการพัฒนาให้รหัสสินค้าในรูปบาร์โค้ดมาตรฐาน (Universal Product Code, UPC) มาอยู่ในรูปอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Product Code, EPC) ซึ่งมีพื้นฐานจากเทคโนโลยีนี้ มีห้างสรรพสิ้นค้าในต่างประเทศที่ลูกค้าไม่ต้องหยิบสินค้าออกจากรถเข็น แล้วเครื่องอ่านสามารถอ่านรหัสสินค้าทุกชิ้นเพื่อคำนวนราคาที่ได้ภายในเวลาเพียงเป็นวินาที
By Taradcard.com
081-374-5428
line id : @taladcardImage attachmentImage attachment+5Image attachment

”ทีฆายุโก โหตุ นาถปรมราชินี“
๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๘
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
พระชนมพรรษาครบ ๙๓ พรรษา
... See MoreSee Less

”ทีฆายุโก โหตุ นาถปรมราชินี“
๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๘ 
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
พระชนมพรรษาครบ ๙๓ พรรษา
4 months ago

#ส่งบัตรคอนเสิร์ตนะคะ
ต้องการทำบัตรงาน offset งาน UV แบบด่วนๆ LINE มาหรือโทรหานะคะ 081-374-5428 064-629-9266

Line:@taladcard
... See MoreSee Less

#ส่งบัตรคอนเสิร์ตนะคะ
ต้องการทำบัตรงาน offset งาน UV แบบด่วนๆ LINE มาหรือโทรหานะคะ 081-374-5428 064-629-9266

Line:@taladcardImage attachmentImage attachment
6 months ago

จำหน่ายบัตรคีย์การ์ด (Keycard) ราคาคุ้มค่า คุณภาพมาตรฐาน

บัตรคีย์การ์ด คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่นิยมใช้ในสำนักงาน อาคารสำนักงาน และสถานที่ที่ต้องการระบบรักษาความปลอดภัยแบบควบคุมการเข้า-ออก ด้วยคุณสมบัติที่สามารถพกพาสะดวก ไม่ต้องใช้กุญแจหรือบัตรหลายใบ จึงเหมาะสำหรับใช้งานแทนบัตรพนักงานในองค์กรยุคใหม่

การใช้งานบัตรคีย์การ์ด:

ใช้งานร่วมกับ เครื่องอ่านคีย์การ์ด (Keycard Reader) เพื่อควบคุมการเข้า-ออกประตู

รองรับการใช้งานในระบบรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ

เพิ่มความสะดวกและลดความยุ่งยากในการจัดการกุญแจหรือบัตรแบบเดิม

เหตุผลที่ควรเลือกซื้อบัตรคีย์การ์ดจากเรา:

มีให้เลือกหลากหลายรุ่น ทั้งบัตรคีย์การ์ดและเครื่องอ่านคีย์การ์ด

ราคาประหยัด เข้าถึงง่าย แต่คัดสรรเฉพาะสินค้าที่มีคุณภาพ

ทีมงานพร้อมให้คำแนะนำในการเลือกใช้งานให้ตรงกับความต้องการ

รับประกันความพึงพอใจ พร้อมบริการหลังการขาย

คำแนะนำ:
แม้ปัจจุบันราคาของบัตรคีย์การ์ด จะไม่สูงมาก แต่ควรเลือกสินค้าที่มีคุณภาพ อย่าพิจารณาเพียงจากราคาถูก เพราะอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานในระยะยาว

สนใจสินค้า หรือต้องการคำปรึกษาเรื่องระบบคีย์การ์ด
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ทางข้อความ หรือแวะชมสินค้าที่ร้านของเราได้โดยตรง

#บัตรคีย์การ์ด #keycard #เครื่องอ่านคีย์การ์ด #ระบบควบคุมการเข้าออก #ระบบรักษาความปลอดภัย #อุปกรณ์สำนักงาน #คีย์การ์ดคุณภาพ #อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำนักงาน
... See MoreSee Less

จำหน่ายบัตรคีย์การ์ด (Keycard)  ราคาคุ้มค่า คุณภาพมาตรฐาน

บัตรคีย์การ์ด คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่นิยมใช้ในสำนักงาน อาคารสำนักงาน และสถานที่ที่ต้องการระบบรักษาความปลอดภัยแบบควบคุมการเข้า-ออก ด้วยคุณสมบัติที่สามารถพกพาสะดวก ไม่ต้องใช้กุญแจหรือบัตรหลายใบ จึงเหมาะสำหรับใช้งานแทนบัตรพนักงานในองค์กรยุคใหม่

การใช้งานบัตรคีย์การ์ด:

ใช้งานร่วมกับ เครื่องอ่านคีย์การ์ด (Keycard Reader) เพื่อควบคุมการเข้า-ออกประตู

รองรับการใช้งานในระบบรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ

เพิ่มความสะดวกและลดความยุ่งยากในการจัดการกุญแจหรือบัตรแบบเดิม

เหตุผลที่ควรเลือกซื้อบัตรคีย์การ์ดจากเรา:

มีให้เลือกหลากหลายรุ่น ทั้งบัตรคีย์การ์ดและเครื่องอ่านคีย์การ์ด

ราคาประหยัด เข้าถึงง่าย แต่คัดสรรเฉพาะสินค้าที่มีคุณภาพ

ทีมงานพร้อมให้คำแนะนำในการเลือกใช้งานให้ตรงกับความต้องการ

รับประกันความพึงพอใจ พร้อมบริการหลังการขาย

คำแนะนำ:
แม้ปัจจุบันราคาของบัตรคีย์การ์ด จะไม่สูงมาก แต่ควรเลือกสินค้าที่มีคุณภาพ อย่าพิจารณาเพียงจากราคาถูก เพราะอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานในระยะยาว

สนใจสินค้า หรือต้องการคำปรึกษาเรื่องระบบคีย์การ์ด
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ทางข้อความ หรือแวะชมสินค้าที่ร้านของเราได้โดยตรง

#บัตรคีย์การ์ด #Keycard #เครื่องอ่านคีย์การ์ด #ระบบควบคุมการเข้าออก #ระบบรักษาความปลอดภัย #อุปกรณ์สำนักงาน #คีย์การ์ดคุณภาพ #อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำนักงานImage attachmentImage attachment+7Image attachment
Load more